Wednesday, 23 October 2024 - 12:53 am
GDN-corporate-980x120
banner SENTRYSAFE
Ads_980_120
Wednesday, 23 October 2024 - 12:53 am
GDN-corporate-980x120
banner SENTRYSAFE
Ads_980_120

ESTAR ชี้ บ้านฉาง – ระยอง ทำเลทอง ราคาพุ่งรองรับสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และรถไฟความเร็วสูง ทุ่มงบเปิดโครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท

บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดความสำเร็จ 5 โครงการฝั่งตะวันออก ทำนิวไฮ อัพเดท กวาดรายได้รวมแล้วกว่า 700 ล้านบาท พร้อมเร่งเครื่องท้ายปีเตรียมเปิดตัว โครงการน้องใหม่ ‘เวลาน่า ไฮด์’ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท ทำเลติดสนามกอล์ฟ ใกล้สนามบิน อู่ตะเภา

นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ สามารถคว้าความสำเร็จในการปิดยอดขายโครงการพื้นที่ฝั่งระยอง – บ้านฉาง อาทิ โครงการบ้านสินทวี การ์เด้นท์ 2 โครงการแฮมเล็ต 3 โครงการเวลาน่า กอล์ฟ เฮ้าส์ ที่ปัจจุบันปิดโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกันกับโครงการ บรีซ แอท อีสเทอร์น สตาร์ ฟอเรสโต้ ที่ตอนนี้ยอดขายอยู่ที่ 99% ซึ่งคาดว่าจะปิดได้ภายในสิ้นปีนี้ สำหรับโครงการเวลาน่า อะโมด้า อู่ตะเภา – บ้านฉาง ยอดขายตอนนี้ขึ้นมาที่ 96% และในส่วนของโครงการแกรนด์ เวลาน่า ยอดขายตอนนี้อยู่ที่ 80% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการที่เปิดใหม่ โครงการเธร่า พรีม่า บูรพาพัฒน์ – สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ที่ตอนนี้ทำยอดขายได้แล้ว 75% ของเฟสแรก เช่นเดียวกับโครงการบรีซ ชาเล่ต์ บูรพาพัฒน์ – สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ที่ตอนนี้ยอดขายแตะอยู่ที่ 80% ของเฟสแรก

จากข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในชลบุรีมีมูลค่า 50,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยองมีมูลค่า 10,000-12,000 ล้านบาท แต่ในปี 2564-2566 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยองและชลบุรีเติบโตขึ้นสูงมาก โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในชลบุรีมีมูลค่า 80,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยองมีมูลค่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ของทั้งสองจังหวัดรวมกัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณเกือบ 20% ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลนั้น มีมูลค่าประมาณ 450,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำหรับระยอง พบว่ามี GDP เป็นอันดับสองของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ และโซนที่ GDP สูงในระยองคือบ้านฉาง และมาบตาพุด โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในโซนปลวกแดง บ้านฉาง และนิคมพัฒนาของจังหวัดระยอง มีมูลค่า 23,178 ล้านบาท ซึ่ง ESTAR ครองส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 3% ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในโซนบ้านฉาง มีมูลค่า 2,752 ล้านบาท ในจำนวนนี้ ESTAR ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ราว 25% หรือ 698 ล้านบาท และคาดว่าจะครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5% ซึ่งภายใน 5 ปี (ปี 2567-2571) จะมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท

โดย ESTAR มีแลนด์แบงค์อยู่ในระยองประมาณ 1,000 ไร่ โดย 500 ไร่อยู่ในบ้านฉางและถนนบูรพาพัฒน์ และอีก 500 ไร่อยู่ในพื้นที่อื่นของระยอง โดยที่ดิน 1,000 ไร่ มีมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งยังสามารถรองรับการพัฒนาโครงการได้อีก 10 ปี

สำหรับในปี 2567 บริษัทมีแผนซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม 3 แปลงมูลค่ารวม 600 ล้านบาท (แปลงละประมาณ 200 ล้านบาท) แบ่งเป็นที่ดินในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 2 แปลง และในพื้นที่ EEC อีก 1 แปลง และในอีก 5 ปีข้างหน้า หลังสนามบินอู่ตะเภาส่วนต่อขยายแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้ที่ดินบริเวณรอบๆ สนามบินราคาพุ่งสูงขึ้น จนทำให้ราคาบ้านแนวราบขยับตัวขึ้นไปสูงมาก บริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise ในจัดหวัดระยอง บนที่ดินของบริษัทที่อยู่ติดกับโรบินสัน บ้านฉาง 1 แปลง และที่ดินแปลงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโลตัส บ้านฉาง อีก 1 แปลง ด้วย

ในปีนี้ โครงการฝั่งระยอง – บ้านฉาง ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ โดยให้ความสนใจเข้ามาเยี่ยมชมโครงการอีสเทอร์น สตาร์ เพิ่มขึ้น เห็นได้จากกระแสตอบรับสำหรับโครงการเปิดใหม่อย่าง โครงการบรีซ ชาเล่ต์ บูรพาพัฒน์ – สุขุมวิท บ้านเดี่ยว 2 ชั้น หน้ากว้าง พื้นที่โครงการ 27-0-66.3 ไร่ จำนวนบ้าน 134 หลัง สไตล์ Modern English Garden Home ในราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท ซึ่งกำลังเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากสามารถทำยอดจองได้สูง พร้อมกับโครงการบ้านในสนามกอล์ฟที่เป็นไฮไลท์ โครงการอะโมด้า อู่ตะเภา – บ้านฉาง บ้านเดี่ยว พร้อมอยู่ 2 ชั้น จำนวน 104 ยูนิต บนที่ดินกว่า 27-1-55.80 ไร่ ในสนามกอล์ฟ สไตล์โมเดิร์นคลาสสิค รูปแบบ Timeless Design ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท ที่ตอนนี้ยอดขายกระโดดมาสูงเกือบจะ 100% ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน และใกล้ปิดการขายโครงการได้ในเร็วๆ นี้

จากปัจจัยบวกต่างๆ ตลอดปีที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลให้บริษัทฯ ลงทุนขยายโครงการใหม่เพิ่มในพื้นที่เดียวกัน เพื่อตอบรับความต้องการผู้อยู่อาศัย ในชื่อ โครงการเวลาน่า ไฮด์ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 128 ยูนิต มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท กับคอนเซ็ปต์ Modern Classic สะท้อนความงดงาม สมบูรณ์แบบของการใช้ชีวิต โดยการออกแบบตัวบ้านและโครงการได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุโรป และยังคงเน้นกลุ่มเป้าหมาย เป็นกลุ่มผู้บริหาร บริษัทในนิคมฯ มาบตาพุด กลุ่มหมอ และพนักงานสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ตั้งแต่ช่วงวัยทำงาน อายุ 30-55 ปี รายได้เดือนละ 7 หมื่น – 3 แสนบาท ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีกำลังซื้อศักยภาพสูง และโอกาสรีเจ็กต์เรตอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก

ปัจจุบัน โครงการเวลาน่า ไฮด์ อู่ตะเภา – บ้านฉาง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ดำเนินการไปแล้วกว่า 60% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า ประมาณไตรมาส 1/2024

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสำหรับโครงการอีสตาร์ในพื้นที่ระยอง ปีนี้คาดว่าจะทำนิวไฮของบริษัทฯ กว่า 700 ล้านบาท นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯ ยังมีการลงทุนเพิ่มสำหรับขยายโครงการ เพื่อตอบรับผู้อยู่อาศัย ในทุกเซกเมนท์โดยมีจะการออกโปรดักส์ในราคาเริ่มตั้งแต่ 2 ล้านบาทต้นๆ ไปจนถึง 12 ล้านบาท ซึ่งตามคาดการณ์ จะสามารถรับรู้รายได้อยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท นายไพโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย

spot_imgspot_img
spot_imgspot_img