
บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ฟาร์มเฮ้าส์ แบรนด์ขนมปังเบอร์ 1 ของไทย เดินเครื่องเต็มสูบ ปลุกตลาดขนมปังและเบเกอรี่ไทย มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท ที่อยู่ในช่วงทรงตัว จากพิษเศรษฐกิจ ทำกำลังซื้อหด ให้กลับมาคึกคัก ด้วยการเปิดเกมรุก ยกขบวนสินค้าน้องใหม่ เปิดตัวในงาน THAIFEX-Anuga Asia 2025 ขยายช่องทางกระจายสินค้าและการจัดจำหน่าย อัปเกรดระบบโลจิสติกส์–เดลิเวอรี่ให้ยิ่งมีประสิทธิภาพ เดินเครื่องสายการผลิตใหม่ ดันกำลังการผลิต 20% แถมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อัดงบการตลาดทุกช่องทาง เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม คาดดันรายได้รวมปี 2568 เติบโต 7-10%

นายอภิเศรษฐ ธรรมมโนมัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) ฉายภาพรวมของตลาดขนมปังและเบเกอรี่ไทยในขณะนี้ว่าอยู่ในภาวะทรงตัว ตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังเต็มไปด้วยความผันผวน ภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูง กระทบกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะเดียวกันสมรภูมิการแข่งขันของตลาดยังทวีความดุเดือด ดังนั้นโจทย์ใหญ่ที่ฟาร์มเฮ้าส์ต้องเร่งแก้เกม นอกจากการทำแคมเปญการตลาด จัดโปรโมชัน เพื่อกระตุ้นยอดการใช้จ่าย ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์อินไซด์ของผู้บริโภคที่มองหาความสะดวกสบาย ยังต้องเดินหน้าเร่งเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภค ด้วยการเพิ่มตู้ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ (Vending Machine) จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 500 ตู้ เป็น 1,000 ตู้ให้ได้ภายในสิ้นปี 2568 โดยโลเคชันหลักยังคงเน้นโรงงาน โรงพยาบาล โรงเรียน และชุมชน

“ปัจจุบันฟาร์มเฮ้าส์มีสินค้าที่หลากหลาย กว่า 120 รายการ อาทิ กลุ่มขนมปังชนิดแผ่น ซึ่งเป็นพอร์ตใหญ่ที่สุดของเรา ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย, กลุ่มขนมปังสำหรับเบอร์เกอร์และขนมปังสำหรับฮอตดอก, กลุ่มขนมปังพร้อมทาน ตลอดจนเค้กพร้อมทานและเบเกอรี่อื่นๆ แต่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรายังคงเดินหน้าออกสินค้าใหม่ทุกปี ปีละประมาณ 10 รายการ อย่างล่าสุด เราเพิ่งเปิดตัวพ็อกเกตพิซซ่า (Pocket Pizza) ที่ฉีกกรอบพิซซ่าแบบเดิมๆ ด้วยการนำแป้งพิซซ่ามาทำในรูปแบบขนมเปี๊ยะไส้พิซซ่า ก็ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดี และเร็วๆนี้ ฟาร์มเฮ้าส์ยังมีแผนจะเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ที่จะมาร่วมส่งต่อความสุขให้ลูกค้า พร้อมปูพรมการทำการตลาดทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายในทุกเจน”

นอกจากจะเปิดเกมรุก เพื่อสร้างมูฟเมนต์ในตลาด ในฝั่งหลังบ้าน นายอภิเศรษฐ กล่าวว่า ฟาร์มเฮ้าส์ ได้ทุ่มงบ 600-700 ล้านบาท นำเข้าเครื่องจักรใหม่จากยุโรป เพื่อพัฒนาคุณภาพการผลิตขนมปังให้ดียิ่งขึ้น และยังเพิ่มกำลังการผลิตขนมปังได้ 6,000 แถวต่อชั่วโมง เพิ่มกำลังการผลิตได้ 20% ลดการใช้แรงงานคน และลดการใช้พลังงาน นอกจากนี้ ฟาร์มเฮ้าส์ยังมีแผนจะเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตแป้งทำขนมปังในปี 2569 ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ไม่เพียงช่วยในการบริหารต้นทุนให้ดีขึ้น ยังสามารถต่อยอดการพัฒนาและวิจัยวัตถุดิบให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

“แม้ภาพรวมตลาดจะทรงตัว แต่เรามองว่าอนาคตตลาดขนมปังและเบเกอรี่ในบ้านเรา ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกอย่างน้อย 2 เท่า เพราะเมื่อเทียบกับประเทศมาเลเซียและญี่ปุ่น ซึ่งประชากรเน้นกินข้าวเป็นหลักก็จริง แต่กลับมีอัตราการบริโภคขนมปังมากกว่าคนไทย โดยหนึ่งในตัวแปรที่จะขับเคลื่อนให้ตลาดขนมปังและเบเกอรี่ในบ้านเราเติบโต คือ การให้ความรู้ และสร้างวัฒนธรรมการกินขนมปัง ซึ่งปัจจุบัน จะเห็นว่าเทรนด์การบริโภคขนมปังก็เป็นไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น รวมถึงเรายังมีโครงการ Good morning Farmhouse แฟรนไชส์แซนด์วิช เพื่อช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนไทย สนับสนุนและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถสร้างธุรกิจของตัวเองให้ประสบความสำเร็จอีกด้วย”

อย่างไรก็ตาม นายอภิเศรษฐ ย้ำว่า ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร สิ่งที่ฟาร์มเฮ้าส์ให้ความสำคัญที่สุด คือ การส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพไปยังมือผู้บริโภค จะเห็นว่า ฟาร์มเฮ้าส์เป็นบริษัทผลิตขนมปังรายเดียวในไทยที่จัดส่งสินค้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ตั้งแต่โรงงานจนถึงชั้นวางขายหน้าร้าน โดยคำนึงถึงเรื่อง “ความสดใหม่” ตามสโลแกนติดหู “หอมกรุ่นจากเตาทุกวัน” ดังนั้น แม้ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์จะมีอายุอยู่ได้ 5 วันสำหรับขนมปังที่มีไส้ และ 7 วันสำหรับขนมปังแถว แต่ลูกค้าจะไม่เคยเห็นขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ที่มีอายุ 5-7 วันบนชั้นวาง เพราะพนักงานฟาร์มเฮ้าส์ ที่นำสินค้าไปส่งยังห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าทั่วประเทศไทยกว่า 65,000 ร้าน จะมีหน้าที่ต้องเช็กและเก็บขนมปังที่อายุ 3 วันออกจากชั้นวาง โดยไม่ปล่อยให้ถึงวันหมดอายุ หรือ นำสินค้าที่ใกล้หมดอายุมาทำโปรโมชั่นลดราคา เพราะเรามองว่าขนมปังมีชีวิต หากทิ้งไว้นาน อาจจะไม่ได้มีคุณภาพเหมือนตอนออกจากเตาใหม่ๆ ฟาร์มเฮ้าส์ จึงเลือกที่จะนำขนมปังเหล่านี้ มาทำเป็นอาหารสัตว์ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และลดการสร้างขยะอาหาร”

“ขนมปังที่อร่อยที่สุด คือ ขนมปังที่เพิ่งออกจากเตา ดังนั้นเพื่อส่งต่อความสดใหม่ไปยังผู้บริโภคในทุกวัน เรามองว่า ถ้าเราอยากอยู่ในเกมธุรกิจนี้ยาว เราต้องเริ่มจากการทำธุรกิจด้วยการมอบความจริงใจที่มีให้กับผู้บริโภค ฟาร์มเฮ้าส์จึงเป็นเจ้าแรกที่ติดวันผลิตและวันหมดอายุของขนมปังบนขนมปังทุกแบบที่วางขาย และให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตสินค้าทั้งหมด นอกจากขนมปังแผ่นฟาร์มเฮ้าส์ ที่เราใส่ใจในทุกขั้นตอน อีกหนึ่งสินค้าไฮไลต์อย่างเกล็ดขนมปังของฟาร์มเฮ้าส์ เราก็ทำมาจากเกล็ดขนมปังจริงๆ ไม่ใช่การเอาเศษขนมปังมาทำเป็นเกล็ด ทำให้พอนำมาทอด จึงมีความกรอบ และไม่อมน้ำมัน เหมือนกับเกล็ดขนมปังที่เกิดจากการนำแป้งมาทำให้อยู่ในรูปแบบเกล็ดขนมปัง”

ปัจจุบันฟาร์มเฮ้าส์ ยังคงรักษามาตรฐานในฐานะผู้ผลิตขนมปังสดใหม่ เพื่อส่งไปยังร้านค้าต่างๆ ทุกวัน โดยมีรถส่งประมาณ 1,000 คัน ผ่าน 51 ศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ ซึ่งมีทั้งศูนย์กระจายสินค้าที่สร้างเองและใช้โมเดลเช่า แต่ในอนาคต นายอภิเศรษฐ เผยว่าจะเน้นลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าเองทั้งหมด เพราะสามารถออกแบบให้ตอบโจทย์กับกระบวนการขนส่งที่มีประสิทธิภาพกว่า ขณะเดียวกันยังมีการอัปเกรดระบบ GPS ในรถขนส่ง เพื่อควบคุมความเร็วและพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถ รวมถึงมีโครงการยกเลิก x-lift ท้ายรถขนส่งที่ช่วยลดน้ำหนักของรถขนส่งมากถึง 750 กิโลกรัมต่อคัน ทำให้ลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น

นายอภิเศรษฐ ยังกล่าวด้วยว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของฟาร์มเฮ้าส์ในปีนี้ คือ การเปิดตัวคาราวานสินค้าใหม่ในงาน THAIFEX-Anuga Asia 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์เเสดงสินค้า อิมเเพค เมืองทองธานี ฮอลล์ 10 บูท 10-NN01 สำหรับปีนี้ ฟาร์มเฮ้าส์ มาในคอนเซ็ปต์ Step Into a Sustainable Future ก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน นอกจากจะชวนทุกคนมาพบกับนวัตกรรมและคุณภาพความสดใหม่สู่ตลาดโลก ยังมีการเปิดตัว “สินค้ากลุ่ม Frozen” ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ HORECA ซึ่งประกอบไปด้วย ธุรกิจโรงแรม (Hotel) ร้านอาหาร (Restaurant) กาแฟและธุรกิจจัดเลี้ยง (Cafe and Catering) และกลุ่มผู้ประกอบการร้านเบเกอรี่ทั่วไป ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว มีสูตรเป็นมาตรฐาน รวมถึงการขยายตลาดส่งออกที่มีการเติบโตสูง พร้อมกิจกรรมพิเศษ จากเหล่าเซเลบริตี้เชฟ นำโดยเชฟพล-พล ตัณฑเสถียร, มาดามตวง-อุบลรัตน์ ช่อธีระพฤกษ์, เชฟแบงค์-ปภากร นิยมทรัพย์, เชฟเป่าเป้-เจสสิก้า หวัง และ เชฟภู-ภูรินท์ พัฒนวิริยะวาณิช ที่จะมารังสรรค์เมนูขนมปังให้กลายเป็นเมนูยอดนิยมแสนอร่อยและไม่ซ้ำแบบใคร ซึ่งคาดว่าจะเป็นการจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการที่มาร่วมงานได้นำไปต่อยอด

สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจในปี 2568 นายอภิเศรษฐ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 7-10% อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อเงินในกระเป๋าของลูกค้า เพราะด้วยความที่สินค้าหลักของฟาร์มเฮ้าส์คือขนมปัง ซึ่งเป็นสินค้าที่ผันแปรตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ถ้าเป็นช่วงวันเปิดเทอมและวันทำงาน จะขายดี แต่ถ้าไปเจอช่วงวันหยุดยาวหรือสุดสัปดาห์ ยอดขายจะลดลง ดังนั้นสิ่งที่ฟาร์มเฮ้าส์ทำได้ คือ การไม่หยุดพัฒนา จะเห็นว่า ตลาดทรงตัว แต่บริษัทฯ ยังขยายการลงทุนโรงงานและเครื่องจักร เพื่อยกระดับพัฒนาระบบการผลิต การขนส่ง และเดินหน้าทุ่มงบทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง

“เรามี High Purpose ที่ต้องการส่งมอบคุณค่าเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านการดำเนินกลยุทธ์ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้วยความตระหนัก และให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และยึดหลักธรรมาภิบาล (ESG) เพราะสุดท้ายผมเชื่อว่า การที่เราสามารถสร้างความรู้สึกที่ดีในการทำงาน ทำให้พนักงานมีความสุข เขาก็จะส่งมอบสิ่งดีๆ ไปยังผู้บริโภค และทำให้เราเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภคอย่างยั่งยืนได้อย่างแน่นอน” นายอภิเศรษฐกล่าวทิ้งท้าย