เอสซีจี ขยายธุรกิจใหม่ เสิร์ฟโซลูชันหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ รับมือโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วด้วย “พลังงานสะอาด – สุขภาพและการแพทย์ – ดิจิทัลโลจิสติกส์ – นวัตกรรมกรีน – สมาร์ทลิฟวิ่ง – หุ่นยนต์อัจฉริยะ” ให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตอย่าง “ประหยัด ปลอดภัย สะดวก รักษ์โลก” มั่นใจเป็นธุรกิจศักยภาพสูง ตอบสนองความต้องการของตลาดอาเซียนและโลกในอนาคต ด้วยงบลงทุน 100,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราเผชิญกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงและต้องปรับตัวให้ทัน เช่น สวมหน้ากาก ปรับบ้านให้อยู่สบายเพื่อ Work from Home ใช้จ่ายออนไลน์ ภาคธุรกิจประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน ต้นทุนพลังงานสูง จึงนำดิจิทัลเทคโนโลยี พลังงานสะอาดมาใช้ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น ขณะเดียวกันต้องดูแลสังคม สิ่งแวดล้อมให้ดีเพื่อส่งต่อทรัพยากรให้คนรุ่นถัดไป เอสซีจีจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมโซลูชันแห่งอนาคตให้ตรงกับความต้องการใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคได้ใช้ชีวิตอย่างประหยัด ปลอดภัย สะดวก รักษ์โลก ประกอบด้วย พลังงานสะอาดครบวงจร สุขภาพและการแพทย์ ดิจิทัลโลจิสติกส์ นวัตกรรมกรีน สมาร์ทลิฟวิ่ง และหุ่นยนต์อัจฉริยะ ตอบสนองความต้องการของตลาดอาเซียนและโลกในอนาคต มั่นใจเป็นธุรกิจศักยภาพสูง สร้างความเติบโตและแข็งแกร่งให้เอสซีจี พร้อมเดินหน้าขยายโครงการลงทุนทั่วโลก ด้วยงบลงทุน 100,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
พลังงานสะอาดครบวงจร (Energy Transition Solutions) ทุกคนเข้าถึงพลังงานสะอาดได้สะดวก คุ้มค่า รักษ์โลกด้วยโซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจร
•พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) สำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัย SCG Solar Roof Solutions สำหรับโรงงาน และนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มอาคารขนาดใหญ่ กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงแรม และห้างสรรพสินค้า ด้วยโซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจร ในรูปแบบ Smart Grid Smart Platform เครือข่ายอัจฉริยะจัดการซื้อ-ขายพลังงานสะอาดได้สะดวก และคุ้มค่า ปัจจุบันมีกำลังการผลิตกว่า 195 เมกะวัตต์ พร้อมตั้งเป้า 3,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี
•นวัตกรรมแบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูง (Heat Battery) พัฒนานวัตกรรม Heat Battery หรือ Thermal Energy Storage ประสิทธิภาพสูง สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าที่ได้จาก solar เป็นพลังงานความร้อน กักเก็บความร้อนไว้ใช้ในช่วงที่ไม่มีแสงแดด เพื่อให้โรงงานมีพลังงานไว้ใช้ ป้องกันปัญหาพลังงานขาดแคลน
•มุ่งพัฒนาพลังงานชีวมวลคุณภาพสูง (Biomass และ Biocoal) จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และเชื้อเพลิงจากขยะ (Refused Derived Fuel : RDF) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในโรงงานซีเมนต์ มุ่งสู่ Net Zero นอกจากนี้ ยังพัฒนาเม็ดพลังงานชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) เพื่อสร้างโอกาสให้ไทยเป็นผู้ส่งออกเชื้อเพลิงสะอาดภายในปี 2027
•โซลูชันด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV Solution Platform) ได้แก่
O อะเซทิลีนแบล็ค (Acelylene Black) ใช้เป็นส่วนประกอบในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และเป็นวัสดุผลิตสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดย SCGC ร่วมทุนกับบริษัท Denka ประเทศญี่ปุ่น
O EV Fleet Solution ให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การจัดหายานยนต์ไฟฟ้า ประกันภัย ซ่อมบำรุง สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึง ให้บริการรูปแบบการเช่า ขนส่งสินค้าและรับ-ส่งพนักงาน ทั้งนี้ เพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
โดยปี 2022 ตั้งเป้าส่งมอบรถ EV จำนวน 492 คัน สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 6,400 ตัน และในปี 2023 ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นเป็น 9,600 ตันต่อปี
โซลูชันสุขภาพและการแพทย์ (Health and Medical Solutions) ตอบโจทย์เทรนด์ดูแลสุขภาพ และสังคมผู้สูงอายุ
•ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Supplies and Labware) กว่า 15,000 รายการ โดย SCGP เข้าถือหุ้น Deltalab ประเทศสเปน อาทิ Deltaswab ที่เก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจจากร่างกาย และ Cryoinstant หลอดน้ำยาสำหรับเก็บรักษาตัวอย่างเชื้อด้วยความเย็น
•เม็ดพลาสติกเพื่อการแพทย์ SCGC PP และ PVC สำหรับผลิตอุปกรณ์การแพทย์และเภสัชกรรม อาทิ กระบอกเข็มฉีดยา สายและถุงน้ำเกลือ ถุงเลือด รวมถึงโซลูชันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย อาทิ รถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะ ถังทิ้งเข็มฉีดยา รถเข็นผู้ป่วย แคปซูลขนส่งผู้ป่วยทางอากาศ และหน้ากากอนามัยภายใต้แบรนด์ VAROGARD
ดิจิทัลโลจิสติกส์ครบวงจร (Digital logistics) บริการขนส่งและซัพพลายเชนครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดย SCGJWD ให้บริการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ขนส่งหลากหลายทั้งทางบก เรือ ราง อากาศ รองรับสินค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ อาทิ วัคซีน ยา งานศิลปะมูลค่าสูง รถยนต์ อาหารแช่แข็ง สินค้าอันตราย พร้อมเครือข่ายครอบคลุมทั่วอาเซียนและจีน
นวัตกรรมกรีน (Green Solutions) ลดใช้ทรัพยากร ส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice จำนวน 232 รายการ ตั้งเป้าเพิ่่มสัดส่วนยอดขายจากร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 67 ภายในปี 2573
•เทคโนโลยีก่อสร้างครบวงจรเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม CPAC Green Solution ยกระดับวงการก่อสร้าง สร้างเสร็จไว ลดวัสดุเหลือทิ้ง ประหยัดต้นทุนแรงงาน อาทิ CPAC Drone Solution, CPAC BIM, CPAC 3D Printing และ CPAC Bridge Solution ตั้งเป้าเติบโต 30% ในปี 2023
•นวัตกรรมพลาสติกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SCGC GREEN POLYMER ทั้ง 4 โซลูชัน ได้แก่ ลดการใช้ทรัพยากร ออกแบบให้รีไซเคิลได้ นำมาหมุนเวียนใช้ใหม่ และย่อยสลายได้ เช่น บรรจุภัณฑ์ของใช้ในบ้าน/เครื่องสำอาง แผ่นฟิล์มเคลือบบรรจุภัณฑ์อาหาร (LDPE Coating film) EcoBioPlas นวัตกรรมเร่งการย่อยสลายของพอลิโพรพิลีน หรือ PP ช่วยกระตุ้นการย่อยสลายทางชีวภาพ แก้ปัญหาพลาสติกที่หลุดรอดไปสู่ธรรมชาติ
•SCGC ลงทุนใน KRAS Group ผู้นำด้านการจัดการวัสดุเหลือใช้ครบวงจรจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล อีกทั้ง ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ Braskem ผู้นำด้านพลาสติกชีวภาพระดับโลกจากประเทศบราซิล เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพในไทย เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกประเภทไบโอ-พอลิเอทิลีน (Bio-Based Polyethylene) หรือ Bio-PE
•นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร Fest by SCGP และนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ถาดกระดาษสำหรับอาหารสดแช่เย็นที่นำไปรีไซเคิลได้ ช่วยรักษาความสด สะอาด ปลอดภัยของอาหาร รวมทั้งนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ OptiBreath® ที่เก็บและยืดอายุผักผลไม้ และลดปัญหาขยะอาหาร
สมาร์ทลิฟวิ่ง (Smart Living Solutions) โซลูชันเพื่อการใช้ชีวิตที่สะดวก สบาย สุขภาพดี ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
•โซลูชันเพื่ออากาศสะอาดและประหยัดพลังงาน สำหรับกลุ่มอาคาร (Smart Building) ได้แก่ SCG Bi-ion และSCG HVAC Air Scrubber ติดตั้งแล้วที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จัดการประชุม APEC 2022 Thailand ห้างสรรพสินค้า อาทิ เทอร์มินอล 21 เซ็นทรัล อยุธยา สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ศิริราช ราชวิถี ราชพิพัฒน์ และสถาบันการศึกษา อาทิ วชิราวุธวิทยาลัย กลุ่มที่อยู่อาศัย บ้าน/คอนโดฯ (Smart Home Solution) ได้แก่ SCG Active Air Quality และ SCG Active AIRflow System โซลูชันการถ่ายเทอากาศและระบายความร้อน โดยควบคุมผ่านเทคโนโลยีระบบ Trinity
•ระบบดูแลสุขภาพและความปลอดภัยด้วย DoCare เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อบ้านกับโรงพยาบาล ส่งข้อมูล ติดตามอาการ-ปรึกษาแพทย์แบบเรียลไทม์ (Real time) พร้อมระบบขอความช่วยเหลือ แจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุผิดปกติ เช่น หกล้ม
•ดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อความเป็นอยู่ให้ง่ายและสบายยิ่งขึ้น เช่น COTTO X ONE ก๊อกน้ำอัจฉริยะพูดได้ มีระบบสั่งการเปิด-ปิดด้วยเสียง “Voice Interface” ประหยัดน้ำ และลดการสัมผัสที่เสี่ยงต่อเชื้อ และ BCI (brain-computer interface) สำหรับผู้ป่วยอัมพาต ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลสภาพการอยู่อาศัย และอุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยสามารถติดต่อสื่อสารกับคนรอบข้างได้สะดวกขึ้น
หุ่นยนต์อัจฉริยะ (Artificial Intelligence Solutions) ลดต้นทุน เวลา แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต
•Smart Farming ครบวงจร ที่เติบโตในช่วงที่ผ่านมา 20% โดยสยามคูโบต้า ส่งเสริมเกษตรกร เพิ่มผลผลิต เพาะปลูกแม่นยำ ประหยัดต้นทุน ด้วยเทคโนโลยี IoT อาทิ รถปลูกผักอัตโนมัติ แทรกเตอร์ไร้คนขับ ทั้งนี้ ยังมีแทรกเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาด ชาร์จไฟได้รวดเร็ว ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
•เครื่องจักรกล-ออโตเมชั่น ให้บริการออกแบบ ผลิตเครื่องจักรกลให้โรงงานต่างๆ ที่มีความต้องการที่หลากหลาย ให้ใช้เทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning ตั้งแต่กระบวนการผลิต ประกอบ บรรจุ ลำเลียงและระบบคลังสินค้า อาทิ เครื่องจักรกลช่วยไลน์ประกอบรถยนต์ หุ่นยนต์ช่วยจัดเรียงสินค้า และเครื่องคัดแยกกุ้ง
“ผมเชื่อมั่นว่า ทุกโซลูชันที่เอสซีจีพัฒนาขึ้น จะช่วยให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอย่างประหยัด ปลอดภัย สะดวก และยังส่งต่อทรัพยากรให้คนรุ่นถัดไปตามแนวทาง ESG 4 Plus อีกทั้ง ยังคงมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนานวัตกรรมโซลูชันใหม่ๆ อยู่เสมอ พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” นายรุ่งโรจน์ กล่าวปิดท้าย
ผู้สนใจสามารถติดตามนวัตกรรมและข่าวสารอื่นๆ ของเอสซีจีได้ที่ https://www.scg.com/esg /
https://scgnewschannel.com /Facebook: scgnewschannel / Twitter: @scgnewschannel หรือ Line@: @scgnewschannel