บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับ ISO รายแรกของไทย โชว์แกร่งทุกมิติแบรนด์บ้าน เอ็น.ซี ชี้แนวราบ 3-5 ล้าน เป็นที่ต้องการตลาดบ้านปี 2566 พร้อมรุกเปิดโครงการใหม่แนวราบ เพิ่ม 6 โครงการ มูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 5,500 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 3,200 ล้านบาท
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ยังมีทิศทางของการฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น ถึงแม้จะมีปัญหาด้านเงินเฟ้อ แต่ก็มีปัจจัยช่วยหนุนให้ขับเคลื่อนไปได้ และมีการขยายตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งเป็นตัวชี้วัดของผู้บริโภค มีความท้าทายของผู้ประกอบการ ทั้งระบบของตลาด มีอัตราการขยายตัวด้านสถาบันการเงินที่ช่วยกระตุ้นเรื่องการซื้อบ้าน เป็นเทรนด์ดัชนี กลับมาฟื้นตัวได้ดี ผู้ประกอบการยังคงมั่นใจในแผนการลงทุนเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีทิศทางที่เติบโตได้ โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบ ระดับราคาไม่เกิน 3-5 ล้านบาท มีดีมานด์ของผู้ต้องการซื้อบ้านระดับราคาดังกล่าว บวกกับภาครัฐมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนอง พร้อมมาตรการผ่อนคลายช่วยผู้ซื้อบ้าน ก็เป็นอีกปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566
เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง มีความพร้อม และมีความแข็งแกร่งมากขึ้น สามารถฝ่าฟันวิกฤตการณ์มาได้ ด้วยสมรรถนะของทีมงานที่ให้ความสำคัญ ด้านการพัฒนาสินค้า มีการบริหารจัดการด้านการลดต้นทุน อย่างมีประสิทธิภาพ มีการพัฒนา เพื่อการต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเสริมจุดแข็งด้านการบริการอย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังได้ผนวกด้านนวัตกรรมบ้าน เพื่อช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีความสะดวกในการใช้ชีวิต หรือทำงานอยู่ที่บ้าน และการมีสุขภาพที่ดีทุกช่วงวัย ที่สำคัญ เอ็น.ซี ให้ความสำคัญด้านการเพิ่ม Value บ้าน ใส่ใจกับทุกโปรดักส์ ทุกโครงการ เพื่อชูจุดแข็งความเป็นแบรนด์คุณภาพบ้าน ในทุก Touchpoint ของลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการ พร้อมเร่งขับเคลื่อนทุกกลไก เพื่อมุ่งพัฒนากลยุทธ์ ทั้ง 3 Key Success Achievements ในปี 2566
1.กลยุทธ์ Care เอ็น.ซี ให้ความสำคัญ กับลูกค้า คิดผ่านกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการปัจจุบัน และส่งมอบถึงอนาคตให้กับกลุ่มครอบครัวลูกค้าฐานเก่า และลูกค้าใหม่ ด้วยการเพิ่มนวัตกรรมบริการให้กับผู้อยู่อาศัย ให้ทุกมิติของความใส่ใจดูแลการบริการ ที่ดีเยี่ยม ผ่านข้อมูลเชิงลึก ด้วยความพร้อมในทุก Full Service อาทิ ผ่าน Home Smile พันธมิตรธุรกิจ SCG Home ให้คำปรึกษาแนะนำ บริการต่อเติมบ้านครบวงจร Ready to Plug in Space อีกทั้งให้คำแนะนำผู้เชี่ยวชาญเรื่องบ้านผ่านศูนย์ All From Home Center เป็นศูนย์กลางทุกบริการเรื่องบ้าน ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย ภายใต้การบริการผ่าน Nc Q Prompt พร้อมยังมีการดูแลห่วงใยเรื่องความปลอดภัย และสุขภาพของผู้สูงวัยในบ้าน ด้วย Do Care Protect
2. กลยุทธ์ Creative & Innovation สร้างกลไก ในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ผนวกเทคโนโลยีบ้านเพื่อความสุข ด้วยนวัตกรรมบ้านให้มีดีไซน์เชื่อมโยงเทคโนโลยี เข้ากับบ้าน ซึ่งเอ็น.ซี เดินตาม Product Strategy คอนเซ็ปต์ NCXT ( NC Cross Innovation & Home Technology ช่วยให้ผู้อยู่อาศัย มีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และมีสุขภาพที่ดีในโครงการ ผนวกทุก Function การใช้สอยในบ้านและนอกบ้าน ต้องมีเอกลักษณ์ ความเฉพาะด้านดีไซน์ ตอบรับการอยู่อาศัยจริงอย่างมี Uniqueness เพื่อการตอบโจทย์ในไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต ทุกครอบครัว ทุก A///gen ซึ่งสังคมไทยในปัจจุบัน เป็นช่วงก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) การให้บริการสำหรับผู้สูงอายุ จะมีความสำคัญที่เราใส่ใจเพิ่มขึ้น
3. กลยุทธ์ Collaboration เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจให้รองรับความพร้อมรอบด้านให้เติบโต ต้องมีความร่วมมือ เพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัท โดยมีการศึกษาขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ ด้วยการผนวกพันธมิตร เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าบริการ และผลิตภัณฑ์ ในธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น และเป็นการต่อยอดธุรกิจใหม่ ควบคู่ไปด้วยกัน เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งสินค้าและบริการ ให้กับ ลูกค้าแบรนด์ เอ็น.ซี ถือเป็นกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อมอบ Value สิ่งดีดี ให้กับลูกค้า และเพิ่มศักยภาพด้านทิศทางการทำการตลาดตอบรับเทรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรดแมปสำคัญ ของปีนี้
ทั้งนี้ในปี 2565 เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง สามารถทำยอดขายได้ถึง 4,442 ล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้นของยอดขาย สำหรับปี 2566 เอ็น.ซี ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5,500 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 3,200 ล้านบาท พร้อมรุกเปิดโครงการใหม่แนวราบเพิ่ม 6 โครงการ มูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท โดยปีนี้ถือเป็นปีที่ เอ็น.ซี มีความแข็งแกร่งเติบโตเพิ่มขึ้น และพร้อมขยายโครงการได้อย่างเต็มที่ และในช่วงต้นปี เอ็น.ซี มีแคมเปญใหญ่ภายใต้ชื่อ NC We Love We Care ซื้อบ้านเอ็น.ซี ได้รับเงินออม และคาดว่าแคมเปญนี้ จะทำยอดขายได้ถึง 850 ล้านบาท ไตรมาส1 นี้ นายสมนึกกล่าวปิดท้าย