‘บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT’ เปิดกลยุทธ์ปี 66 ผลักดันการเติบโต 5% นำเสนอโซลูชันนวัตกรรมสินค้าและบริการ รุกขยายฐานลูกค้าที่อยู่อาศัยแนวสูง พร้อมปรับโฉม Diamond Cafe เจาะตลาด Co-Working Space ตอกย้ำจุดแข็งแบรนด์ ‘ตราเพชร’ ที่มีความหลากหลายผลิตภัณฑ์ พร้อมนำระบบ Automation และ IoT บริหารจัดการด้านการผลิตและต้นทุนอย่างต่อเนื่อง หลังผลงานปี 65 ทำยอดขายเติบโตเกินเป้า ประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังเพิ่มเติมอีก 0.26 บาทต่อหุ้น
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป ร้านกาแฟสำเร็จรูป (DIAMOND Cafe) และบริการติดตั้งโครงหลังคาและกระเบื้องหลังคา ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปีนี้ได้วางเป้าหมายรายได้เติบโต 5% สอดคล้องทิศทางตลาดวัสดุก่อสร้างที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดย DRT เตรียมความพร้อมการบริหารจัดการทุกด้าน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันการทำตลาดให้แก่แบรนด์ ‘ตราเพชร’ ทั้งด้านประสิทธิภาพการผลิตโดยรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า 90% เพื่อสนับสนุนการทำตลาด โดยจะร่วมมือกับคู่ค้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในทุกช่องทางการจำหน่ายเพื่อขับเคลื่อนแผนงานให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับกลยุทธ์ปีนี้ DRT จะมุ่งต่อยอดข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันแบรนด์ ‘ตราเพชร’ ที่มีความหลากหลายผลิตภัณฑ์สามารถก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง ทั้งระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา เพื่อต่อยอดขยายฐานตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือประเภทคอนโดมิเนียม ผ่านการนำเสนอโชลูชันนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้วยจุดเด่น Function และ Fashion ที่ติดตั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว มีรูปแบบและสีสันสวยงาม พร้อมบริการด้วยทีมช่างมืออาชีพตอบโจทย์ความต้องการคู่ค้าและเพิ่มมูลค่าการขายให้สูงขึ้น รวมถึงปรับโฉม Diamond cafe ขยายฐานตลาดจากกลุ่มผู้ประกอบการร้านกาแฟไปสู่กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไปที่ต้องการก่อสร้างออฟฟิศสำนักงาน หรือ Co-Working Space ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสของ ‘ตราเพชร’ ช่วยตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ทั้งระยะเวลาการก่อสร้างและงบประมาณที่มีความเหมาะสม
ขณะเดียวกัน DRT มีแผนปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ดีขึ้นต่อเนื่องภายใต้งบลงทุน 200 ล้านบาท โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของไลน์การผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีตและอิฐมวลเบา รวมถึงดำเนินโครงการเพื่อยกระดับโรงงานไปสู่ Smart Factory อย่างต่อเนื่อง จากการใช้ระบบ Automation และ IoT เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการต้นทุน ควบคู่การบริหารจัดการด้านทรัพยากรและพลังงานหมุนเวียน ภายใต้แนวคิด Circular Economy ช่วยบริหารความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนด้านต้นทุนพลังงาน ส่วนความคืบหน้าการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตกระเบื้องคอนกรีตอีก 100,000 ตัน คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องจักรและผลิตสินค้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2567
“ปีนี้เราพร้อมรุกตลาดวัสดุก่อสร้างเพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดฯ ตอกย้ำจุดแข็งความหลากหลายผลิตภัณฑ์มาต่อขยายฐานสู่กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวสูง โดยจะร่วมมือกับคู่ค้าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำเสนอบริการเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการงานก่อสร้างโครงการแนวสูง เพื่อผลักดันการเติบโตในปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายสาธิต กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DRT กล่าวต่ออีกว่า ส่วนผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานเติบโตได้มากกว่าเป้าหมาย โดยมีรายได้รวมเป็นสถิติสูงสุดที่ 5,250.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.80% และมีกำไรสุทธิ 625.61 ล้านบาท เติบโต 6.86% ตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ DRT ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2565 (กรกฎาคม-ธันวาคม) ในอัตรา 0.26 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 2565 (มกราคม – มิถุนายน 2565) ในอัตรา 0.24 บาทต่อหุ้น บริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นจากผลการดำเนินงานปี 2565 ในอัตรารวมทั้งสิ้น 0.50 บาทต่อหุ้น ถือเป็นอัตราการจ่ายปันผลต่อปีสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ตอกย้ำ DRT เป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ