Thursday, 31 October 2024 - 5:20 am
GDN-corporate-980x120
banner SENTRYSAFE
Ads_980_120
Thursday, 31 October 2024 - 5:20 am
GDN-corporate-980x120
banner SENTRYSAFE
Ads_980_120

กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ผู้ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านคุณภาพมาตรฐาน เผยผลการดำเนินงานโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ปี 66 ตั้งเป้าโตต่อเนื่อง 1,200 ล้านบาท

นายสุธี เกตุศิริ

นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด ฉายภาพธุรกิจรับสร้างบ้านว่า  ในช่วงวิกฤตโควิ-19 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยในปี 2563 เป็นปีที่เศรษฐกิจเริ่มมชะงักงัน เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ยังไม่มีข้อมูล และไม่มีวัคซีน จนกระทั่งปี 2564 โลกเริ่มรู้จักแนวทางการป้องกันตลอดจนมีวัคซีน เศรษฐกิจจึงเริ่มฟื้นตัว แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ดีเท่าที่ควร

แม้อยู่ในช่วงวิกฤต แต่ผลประกอบการของบริษัทกลับเติบโตสวนกระแส โดยในปี 2563 บริษัทมียอดจอง 700 ล้านบาท และในปี2564 บริษัทมียอดขายเติบโตขึ้นเป็น 1,000ล้านบาท ส่วนในปี 2565 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายเทียบเท่าปี 2564 เนื่องจากนโยบายของบริษัทไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การเพิ่มยอดขายเพียงอย่างเดียว หากแต่ให้ความสำคัญกับหัวใจหลักที่จะทำให้องค์กรอยู่รอดได้ทุกสถานการณ์นั่นคือคุณภาพมาตรฐาน อย่างไรก็ดี บริษัทสามารถทำยอดขายได้ทะลุเป้า โดยทำยอดขายได้ 1,100 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากบริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด ในสัดส่วน 40% บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด ในสัดส่วน 40% บริษัท และบริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด ในสัดส่วน 20% และได้มีการส่งมอบบ้านให้ลูกค้าไปกว่า 100 หลัง

  

ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทยังสามารถเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ เนื่องจากบริษัทมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการให้ความสำคัญกับคุณภาพการก่อสร้างบ้าน ประกอบกับบริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จึงทำการตลาดได้อย่างต่อเนื่องแม้ในยามวิกฤต ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้บริษัทเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับลูกค้า เนื่องจากลูกค้าจะมีความระมัดระวังในด้านความเสี่ยงจากการใช้เงินมากขึ้นในยามที่เศรษฐกิจถดถอย จึงตัดสินใจเลือกใช้บริการรับสร้างบ้านกับบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือ

สำหรับธุรกิจรับสร้างบ้าน ในภาพรวมปี 2566 คาดว่าน่าตลาดน่าจะโตขึ้น 5-7% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้คนตัดสินใจสร้างบ้านมากขึ้น โดยในส่วนของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ในปี 2566 บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต ซึ่งเป็นการเติบโตแบบไม่ก้าวกระโดด ขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตรฐานการก่อสร้างบ้าน โดยตั้งเป้าหมายยอดขายเอาไว้ที่ 1,200 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายสุธี ยังให้ข้อคิดทิ้งท้ายอีกด้วยว่า สำหรับธุรกิจรับสร้างบ้าน เป็นธุรกิจที่เข้ามาทำง่าย เนื่องจากใช้ต้นทุนไม่เยอะ และออกจากธุรกิจง่ายเช่นกัน หากดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงแต่การเติบโต แต่ไม่คำนึงถึงคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งสำหรับในปัจจุบัน แม้ในองค์กรที่ดำเนินธุรกิจมานาน แต่ไม่มีการปรับตัวให้ทันยุค ก็จะอยู่ในธุรกิจยากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากผู้บริโภคยุคนี้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น มีความรู้เรื่องการก่อสร้างบ้านมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องปรับให้ทันยุค ตลอดจนให้ความสำคัญกับคุณภาพ มาตรฐาน ซึ่งก็จะทำให้ได้รับความน่าเชื่อถือและเป็นตัวเลือกที่ลูกค้าเลือกมาใช้บริการอีกด้วย

เกี่ยวกับกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์

กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านคุณภาพมาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียงมากว่า 20 ปี ประกอบด้วยบริษัทในเครือ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด รับสร้างบ้านในระดับราคา 2-8 ล้านบาท บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด รับสร้างบ้านในระดับราคา 8-20 ล้านบาท และบริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด รับสร้างบ้านในระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป

spot_imgspot_img
spot_imgspot_img