SPALI โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 65 รายได้ – กำไรพุ่ง โกยรายได้รวมสูงถึง 14,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% และกำไรสุทธิ 3,253 ล้านบาท โตกว่า 32% กวาดยอดขายทะลุ 18,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% ลุยเปิดโครงการใหม่อีก 21 โครงการ มูลค่ารวม 19,290 ล้านบาท ขยายโปรดักส์ใหม่กลุ่มแนวราบ และบุกทำเลใหม่ต่างจังหวัดมากขึ้น ครึ่งปีหลังมั่นใจรายได้รวมโตตามเป้า 29,000 ล้านบาท ด้วยยอดขายที่รอรับรู้รายได้ ในมืออีกกว่า 27,962 ล้านบาท รองรับความแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ของบริษัทฯ สามารถทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ทั้งยอดขาย รายได้ และยอดโอนกรรมสิทธิ์ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่โครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมที่กระจายไปในหลายทำเลมีการเติบโตดีมาก เนื่องจากลูกค้าได้เห็นสินค้าจริง ในราคาที่จับต้องได้ ถือว่าส่งผลดีต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในมืออีก 23,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมกว่า 15,800 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 7,400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเข้ามารองรับการเติบโตของยอดขายในครึ่งปีหลัง สัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของยอดผู้เข้าชมโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียมเป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ โดยมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ พร้อมแบบบ้านใหม่ ฟังก์ชันใหม่ กับโครงการแนวราบอย่างศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว – แม่ริม โครงการสุดหรูสไตล์อิตาลี ท่ามกลางขุนเขา หนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ลอฟท์ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบสไตล์ลอฟท์ 2 โครงการ คือ ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ และ ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ – วงศ์สว่าง ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากลูกค้า ส่งผลให้บริษัทฯ ทำผลงานได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2565 มีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว ทั้งหมด 13 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ซึ่งเป็นโครงการแนวราบ 11 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 20,710 ล้านบาท ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรก บริษัทฯ ยังคงรักษาการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ยอดขายรวมอยู่ที่ 18,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 อยู่ที่ 13,005 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 6% อยู่ที่ 9,364 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 8,852 ล้านบาท โดยมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าในทุกทำเลโครงการที่มีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ รวมถึงโครงการที่เปิดตัวใหม่ ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่และสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 5,730 ล้านบาท คิดเป็น 96% และยอดขายสินค้าแนวราบในกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม 12,486 ล้านบาท คิดเป็น 24% และคิดเป็น 65% จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 28,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าบริษัทฯ มีโอกาสที่ทำยอดขายในปี 2565 ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
อีกทั้งบริษัทฯ ยังกวาดรายได้ – กำไรพุ่งต่อเนื่อง หลังจากทําสถิติรายได้และกำไรสูงสุดไปแล้วในปี 2564 โดยมีรายได้รวม 14,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% โดยแบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 13,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปี 2564 แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์โฮม 55% และคอนโดมิเนียม 45% และด้านกำไรสุทธิ 3,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ส่งผลให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 59% และมีการบริหารจัดการกระแสเงินสด โดยมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 27,962 ล้านบาท ณ 30 มิถุนายน 2565 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 จำนวน 13,695 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จส่งมอบโครงการให้ลูกค้ารวมทั้งสิ้น 6 โครงการ รวมมูลค่า 15,820 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 23 ส.ค. 65 และจ่ายปันผล วันที่ 7 ก.ย. 65
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มั่นใจครึ่งปีหลัง 2565 ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความต้องการสินค้าระดับกลางและบนยังไปได้ดีในสินค้าแนวราบเป็นที่น่าจับตามอง คอนโดมิเนียมต้องเจาะลึกเป็นรายเซกเมนต์ เตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง รวม 21 โครงการ มูลค่ารวม 19,290 ล้านบาท สะท้อนจากยอดขายสินค้าแนวราบที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก จึงมีแผนโฟกัสเปิดตัวโครงการแนวราบ 20 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ โดยมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และเปิดตัวแบรนด์ใหม่ การพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมลุยเปิดตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดใหม่ๆ ในทำเลศักยภาพ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค สำหรับโครงการแนวราบเปิดเพิ่ม 2 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา นครสวรรค์ และคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่อีกด้วย
ถึงแม้ปี 2565 จะเป็นปีที่ท้าทายของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ มั่นใจสามารถรับมือกับความผันผวนของสถานการณ์ได้ และสามารถปรับแผนกลยุทธ์ที่รวดเร็ว ด้วยสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนต่อไป