Sunday, 24 November 2024 - 2:48 am
GDN-corporate-980x120
banner SENTRYSAFE
Ads_980_120
Sunday, 24 November 2024 - 2:48 am
GDN-corporate-980x120
banner SENTRYSAFE
Ads_980_120

‘เด็นโซ่’ ฉลองครบรอบ 50 ปี ประกาศเป็นผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ดียิ่งกว่าอย่างยั่งยืน

กลุ่มบริษัทเด็นโซ่ประเทศไทย ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก เปิดตัวนวัตกรรมการผลิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งบริษัท พร้อมขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ดียิ่งกว่าภายใต้กรอบของการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อประชาคมโลก โดยมีจุดมุ่งหมายหลัก คือ การเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2035 (พ.ศ. 2578)

(จากซ้าย) นายอำพล หอมปลื้ม, ดร. ธีระวัฒน์ ลิมปิบันเทิง, นายนาโอโตะ อินนูซูกะ และ ดร.ฮิโรมิจิ โมริตะ

นายนาโอโตะ อินนูซูกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย จำกัด กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนสำหรับการสนับสนุนที่ทำให้เด็นโซ่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนสามารถยืนหยัดเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์เคียงข้างสังคมไทย ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา เด็นโซ่ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และความสะดวกสบายของผู้คน โดยมีจุดมุ่งหมายในการใช้เทคโนโลยีสร้างสรรค์สังคมล้ำสมัยที่ทำให้ผู้คน ยานยนต์ และสิ่งแวดล้อมอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนและสมดุล”

“ในโอกาสครบรอบ 50 ปีนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่เด็นโซ่จะประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ จาก 5 ทศวรรษแห่งการเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์คุณภาพระดับโลก สู่ ‘ผู้นำการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ดียิ่งกว่าเพื่อประชาคมโลกอย่างยั่งยืน’ ภายใต้กรอบของการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs – Sustainable Development Goals” เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ประการของเด็นโซ่ในภูมิภาคเอเชียอันได้แก่ ความเป็นกลางทางคาร์บอน การผลิตในยุคอนาคต และการแก้ปัญหาทางสังคมด้วยเทคโนโลยีของเด็นโซ่”

ดร. ธีระวัฒน์ ลิมปิบันเทิง ประธานบริษัท สยาม เด็นโซ่ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนเด็นโซ่พร้อมทั้งประกาศเปิดตัวนวัตกรรมการผลิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งานภายใต้แนวคิด Lean and Clean หรือ การลดความสูญเปล่าที่เกิดจากกระบวนการผลิตทั้งหมด รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยมีเป้าหมายการลดการใช้พลังงาน และส่งเสริมการผลิตด้วยพลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งจัดการบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปด้วยเพื่อสร้างรากฐานในการก้าวสู่ Thailand 4.0 และ Carbon Neutrality ไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะมาเป็นตัวเปลี่ยนเกมส์ที่นอกจากจะทำให้เด็นโซ่ยืนหยัดเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แล้ว ยังจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญ ซึ่งเด็นโซ่จะนำมาใช้เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ดียิ่งกว่าอย่างยั่งยืนผ่านการพัฒนาธุรกิจตามกรอบของ SDGs ดังต่อไปนี้

1.ด้านสิ่งแวดล้อม

มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ผ่านโซลูชันด้านอุตสาหกรรม อย่างเช่น การนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในสายการผลิต การออกแบบเครื่องจักรภายใต้แนวคิด 1/N หรือการลดขนาดเครื่องจักรให้มีขนาดเล็กและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจักรเพื่อลดการใช้พลังงานและลดการแผ่รังสีความร้อน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถของการดักจับและจัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากสายการผลิต

2.ด้านเศรษฐกิจและสังคม

เพิ่มการลงทุนและการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นให้กับคนไทย รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรผ่านโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลไทย รวมถึงการพัฒนาทักษะความสามารถของเจ้าหน้าที่ออกแบบและติดตั้งระบบการผลิตอัตโนมัติทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในอุตสาหกรรม (System Integrator หรือ SI) นอกจากนี้ ยังมีการจัดการฝึกอบรมวิทยากรเพื่อรองรับแผนเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติต่อไป

กลุ่มบริษัทเด็นโซ่ประเทศไทยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 ในนาม บริษัท นิปปอนเด็นโซ่ ประเทศไทย จำกัด โดยประเทศไทยนับเป็นสาขานอกประเทศญี่ปุ่นสาขาแรก กลุ่มบริษัทเด็นโซ่ประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์รายแรกของไทยภายใต้นโยบายจากภาครัฐที่เน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศ เมื่อผสานกับนโยบายที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเป็นหลัก ทำให้กลุ่มบริษัทเด็นโซ่ประเทศไทยได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ธุรกิจเจริญเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทเด็นโซ่ประเทศไทยประกอบด้วยบริษัทในเครือทั้งสิ้นจำนวน 10 บริษัท สามารถสร้างยอดขายในปี 2021 มากกว่า 103,024 ล้านบาท เติบโตขึ้นมากกว่า 31% จากปี 2020

spot_imgspot_img
spot_imgspot_img