“ศรีเทพไทยพัฒนา” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในจังหวัดฉะเชิงเทรา ภายใต้แบรนด์ “ศรีเทพวิลเลจ” และ “เทพสิริวิลล่า” เดินหน้าสร้างแบรนด์สู่กลุ่มลูกค้า ในฐานะโครงการบ้านมาตรฐานอันดับหนึ่ง ในโซนมาบตาพุด กับ โครงการศรีเทพวิลเลจ ห้วยโป่ง ระยอง ผ่าน 4 แบบบ้านใหม่ ทั้งบ้านแฝดชั้นเดียว บ้านเดี่ยวชั้นเดียว ในราคาที่เข้าถึงได้ เริ่มต้น 2.6 ล้านบาท ชูโซลูชั้น SRITHEP SMART บริหารดูแลลูกค้า พันธมิตร เชื่อมคอนเน็กซ์กับสถาบันการเงิน พร้อมกาง Road Map แผน 5 ปี รายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
นายณัษฐพงษ์ วงษ์สัจจา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีเทพไทยพัฒนา จำกัด ในกลุ่มบริษัทศรีเทพไทย เปิดเผยถึงกลยุทธ์สร้างการรับรู้ในแบรนด์ของบริษัทว่า ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องให้ความสำคัญและคำนึงถึงตลอดเวลา ซึ่งเปรียบเสมือนได้กับการทำความดี จึงจะได้มีการแนะนำบอกต่อ ทำให้แบรนด์ของ ศรีเทพไทยพัฒนา มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ประกอบกับจุดแข็งที่บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีรองรับการทำงานระบบหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้า ที่สามารถสะท้อนผ่านการให้บริการของบริษัท
ล่าสุด บริษัทได้เปิดโครงการใหม่บนทำเลศักยภาพในจังหวัดระยอง ภายใต้แบรนด์ “ศรีเทพวิลเลจ ห้วยโป่ง ระยอง” เป็นโครงการบ้านมาตรฐานอันดับหนึ่ง ในโซนมาบตาพุด พัฒนาในรูปแบบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บนพื้นที่ 40 ไร่ โครงการที่ใส่ใจในทุกการออกแบบบนความพิเศษ โอบล้อมด้วยผืนไม้ใหญ่ที่ร่มรื่นชวนคำนึงถึง เพื่อเติมเต็มความสุขในทุกวินาทีของชีวิต ให้แก่คุณและคนพิเศษ จนออกมาเป็นบ้านมาตรฐานอันดับหนึ่งในโซนมาบตาพุด มีบ้านทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่
Noble (โนเบิล) บ้านแฝดชั้นเดียว , Pride (ไพร์ด) บ้านแฝด 2 ชั้น , Thea (เทียร์) บ้านเดี่ยวชั้นเดียว และ Honor (ออเนอร์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยกว้างเริ่มต้น 113 ตารางเมตร(ตร.ม.) – 154 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท มีจำนวนจำกัดเพียง 282 แปลงเท่านั้น
สำหรับบ้านมาตรฐานใหม่ ของโครงการ “ศรีเทพวิลเลจ ห้วยโป่ง ระยอง” ยึดหลัก 9 มาตรฐาน ในการก่อสร้างบ้านเพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและดูแลสุขภาพที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะบริษัท ศรีเทพไทยพัฒนา จำกัด เป็นบริษัทแรกที่เลือกใช้ อิฐขาว นำมาใช้ในการก่อสร้าง
อิฐขาว เป็นอิฐที่มีส่วนผสมของปูนขาวและทราย ผ่านกระบวนการอัดด้วยเครื่องจักรที่มีความกดดันสูง 500 ตัน แล่วอบด้วยความร้อนสูง ซึ่ง อิฐขาว เป็นอิฐที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ พัฒนาขึ้นมาเพื่อทดแทนอิฐมอญและอิฐบล็อก สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 180 กก.ต่อตร.ซม. มีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนและป้องกันเสียงได้ดี สามารถลดรอยร้าวในการฉาบได้ เพราะมีการดูดซึมน้ำน้อยที่ต่ำ ฉาบได้ง่าย เพราะบนผิวอิฐมีการชักร่องเพื่อสะดวกในการฉาบปูน มีคุณสมบัติในเรื่องของการทนไฟได้นานกว่า 4 ชั่วโมง สามารถก่อโชว์อิฐได้ เพราะมีความสวยงามเรียบเนียนดูมินิมอล
นายณัษฐพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์ทางตลาดว่า บริษัทได้พัฒนาระบบดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มจาก
1.SRITHEP SMART HOME มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสินค้า (Product) ให้มีความทันสมัยกับตลาดปัจจุบัน ,เพื่อพัฒนาการก่อสร้างให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น ,เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ส่วนเป้าหมายรอง (Details) เพื่อเพิ่มการ Survey คู่แข่ง ทั้งในเรื่องแบบบ้าน การก่อสร้าง Branding โปรโมชั่น ของแถม และฟังก์ชั่นต่างๆ การติดต่อเพื่อทำ Co-Product กับ Brand ต่างๆ เช่น Smart HOME Automation ต่างๆ และหา Supplier ใหม่ๆ เพื่อเทียบราคา
2.SRITHEP SMART Life มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัท กับ ลูกค้า เพื่อให้เกิดความพึ่งพอใจสูงสุด ซึ่งนำมาด้วยลูกค้าแนะนำในอนาคต และสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงานภายในองค์กร ส่วนเป้าหมายรอง (Details)ในกลุ่มของพนักงาน ดูแลเรื่องสันทนาการ อบรมพัฒนาบุคลากร และสวัสดิการต่างๆ กลุ่มของลูกบ้าน การดูแลถนนศรีเทพ มีกิจกรรมในเทศกาลต่างๆ และกลุ่มของลูกค้า จัดอีเว้นท์ภายในและภายนอก เพื่อเสิร์ฟประสบการณ์ที่ดีใหักับลูกค้า และจัดโปรโมชั่นต่างๆ
3.SRITHEP SMART Connect มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคาร ,ช่วยเหลือคนที่อยากมีบ้าน แต่มีปัญหาในการยื่นกู้ต่างๆ ,พัฒนา Agent ต่างๆ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เพื่อลูกค้าในอนาคต และช่วยลูกค้าในการขายบ้านหลังแรก เพื่อซื้อบ้านในโครงการ
“ระบบที่เราพัฒนาขึ้นมา SRITHEP SMART มุ่งตอบโจทย์และดูแลลูกค้า รวมถึงการสนับสนุนและหาวิธีทำอย่างไร ที่จะให้ผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยได้มีบ้านเป็นของตนเอง อาทิเช่น SRITHEP SMART Connect โดยเราจะช่วยบริหารลูกค้าให้คอนเน็กซ์เข้ากับสินเชื่อ หรือ อาจจะมีโปรแกรมที่สนับสนุนเงินกู้ให้กับลูกค้า หรือ ที่เรียกว่า อนุบาลลูกค้า ซึ่งจะไม่มีการคำนวณอัตราดอกเบี้ยกับลูกค้า เพียงแต่คิดในส่วนของค่าธรรมเนียมการใช้บริการ เป็นต้น”
และ 4.SRITHEP SMART Service มุ่งสร้างความพึ่งพอใจสูงสุด สำหรับลูกค้าหลังโอนกรรมสิทธิ์ โดยเป้าหมายบริการ อาทิเช่น รับเรื่องร้องเรียนภายใน 24 ชั่วโมง ,สร้าง Service Road เพื่อความรวดเร็วในการ Service , รับของแถมหลังโอนกรรมสิทธิ์ ไม่เกิน 15 วัน ,การประชาสัมพันธ์ Service Team เพื่อให้เป็นที่รู้จัก เพื่อพัฒนาเป็นจุดแข็งประจำโครงการ ,จัด Event Workshop เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องของการดูแลรักษาบ้าน และจัดรายงานในการทำเซอร์วิส เพื่อการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ
สำหรับทิศทางการดำเนินงานธุรกิจครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าปรับองค์กรหลายด้าน เพื่อเตรียมความพร้อม แข่งขันกับคู่แข่งในพื้นที่ให้เต็มที่ เน้นกลยุทธ์การบริหารสินค้าคงค้าง(สต๊อก) จบโครงการให้เร็ว โดยตั้งเป้าหมายแผนระยะ 5 ปี จะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทภายในปี 2570 ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถกวาดรายได้ 600 ล้านบาท นับว่าเป็นยอดขายอันดับหนึ่งในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีส่วนแบ่งตลาด 30% เทียบกับคู่แข่งรายใหญ่ในพื้นที่ทั้งหมด 8 บริษัท ซึ่งในปีนี้ ได้วางเป้ารายได้ไว้ที่ 650 ล้านบาท มาจาก 2 โครงการศรีเทพวิลเลจ บางปะกง และ โครงการเทพสิริวิลล่า บางปะกง
อย่างไรก็ตามในปีนี้ ตามแผนของบริษัทจะเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการศรีเทพวิลเลจ ห้วยโป่ง ที่จังหวัดระยอง และโครงการศรีเทพวิลเลจ นีโอ บางปะกง เป็นทาวน์โฮม ราคาเริ่มต้นที่ 2.1 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 650 ล้านบาท
